บล็อกนี้ได้จัดทำขึ้นเพื่อใช้ในการเรียนการสอน รายวิชา อินเตอร์เน็ตและการสื่อสารในชีวิตประจำวัน ซึ่งเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับ หลักการบริหารและการจัดการ เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ และยังเป็นการคิดสร้างสรรค์อีกรูปแบบหนึ่ง พร้อมทั้งสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ ทั้งนี้ถ้าเนื้อหาในบล็อกนี้ขาดตกบกพร่องประการใด ก็ขออภัยมา ณ ที่นี่ด้วย





วันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2555

ทฤษฎีการจัดการและการบริหาร (Administrative Management Theory)

         Fayol (อ้างถึงใน สมชัย ศรีสิทธิยากร, 2540, หน้า 14-16) ได้เสนอหลักการบริหาร เป็นเรื่องของความยืดหยุ่น (flexibility) และสามารถนำไปปรับใชัได้กับทุกองค์การตามความต้องการ ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้
             1. หลักการแบ่งงานกันทำ (division of work) โดยคำนึงถึงความชำนาญเฉพาะ (specialization) ซึ่งจะนำไปสู่วัตถุประสงค์ในการได้ผลผลิตงานที่สูงขึ้นด้วยความพยายามเท่าเดิม
             2. หลักอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ (authority and responsibility) โดยให้ มีการมอบหมายอำนาจหน้าที่ที่สอดคล้องกับระดับความรับผิดชอบของแต่ละบุคคล
             3. หลักวินัย (discipline) อันหมายถึง การยอมรับเชื่อฟังในหลักเกณฑ์ที่ตกลงไว้เบื้องต้นระหว่างคนงานกับองค์การ ทั้งนี้หลักการดังกล่าวจะใชัได้ผลต่อเมื่อมีการปกครอง ที่ดีในทุกระดับ วินัยดังกล่าวมีความชัดเจนยุติธรรม และมีการปรับใชัเพื่อการลงโทษที่เหมาะสม
             4. หลักเอกภาพของการบังคับบัญชา (unity of command) โดยเน้นให้คนงาน หรือลูกจ้างได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาเพียงคนเดียวเท่านั้น
             5. หลักเอกภาพของทิศทาง (unity of direction) หมายถึง การที่กลุ่มกิจกรรมการทำงานจะมีแผนงาน วัตถุประสงค์ และทิศทางในการทำงานที่ชัดเจนแต่เพียงอย่างเดียว
              6. หลักผลประโยชน์ส่วนตัวขึ้นกับผลประโยชน์ทั่วไป (subordination of individual interest to general interest) โดยเน้นความสำคัญของผลประโยชน์ขององค์การอยู่เหนือผลประโยชน์ส่วนตัว
             7. หลักผลประโยชน์ตอบแทน (remuneration of personnel) จะต้องเป็นไปโดย ยุติธรรมที่สุดเท่าที่จะทำได้และก่อให้เกิดความพึงพอใจแก่ทั้งองค์การและบุคคลมีการจ่ายค่าตอบแทน รวมทั้งวิธีการกระตุ้นความสนใจในการปฏิบัติงานของคนงานโดยให้ โบนัส และการมีส่วนร่วมในผลกำไร (profit sharing) เพื่อให้คนงานเกิดแรงจูงใจในการปฏิบัติงาน
             8. หลักการรวมอำนาจ (centralization) ให้มีศูนย์รวมการตัดสินใจและการควบคุม ที่ส่วนกลาง และให้มีการกระจายอำนาจที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงลักษณะของแต่ละองค์การด้วย
              9. หลักสายการบังคับบัญชา (scalar chain) หมายถึง สายของการปกครองบังคับบัญชาที่ลดหลั่นกัน นับแต่ผู้มีอำนาจสูงสุดลงมาถึงบุคลากรระดับตํ่าสุดในองค์การซึ่งจะเป็นช่องทางในการส่งผ่านข้อมูลและการสื่อสารภายในองค์การ
             10. หลักการมีระเบียบแบบแผน (order) ทั้งในด้านแบบแผนทางวัตถุอันได้แก่ การจัดระเบียบภายในหน่วยงาน และแบบแผนทางสังคม อันได้แก่ การจัดคนให้เป็นระเบียบลงในจุดที่เหมาะสม
             11. หลักความยุติธรรม (equity) ด้องมีการให้ความเป็นธรรมเสมอภาคและยุติธรรม อย่างทั่วถึงภายในองค์การ
             12. หลักเสกียรภาพของการทำงาน (stability of tenure of personnel) ด้องให้ คนงานมีเวลาในการเรียยนรู้ใหม่นานพอสมควรก่อนที่จะสามารถปฏิบัติงานได้อย่างมี ประสิทธิภาพ
             13. หลักความคิดริเริ่มสรางสรรค์ (initiative) ซึ่งจะมีส่วนทั้งให้ผู้ปฏิบัติงานทั่วทั้งองค์การมีความกระตือรือร้น และมีพลังในการปฏิบัติงานอย่างเต็มที่
             14. หลักความจงรักภักดีต่อองค์การ (esprit de corps) โดยการสร้างบรรยากาศ การร่วมมือในองค์การ ใช้ความสามารถของบุคคลอย่างเต็มที่และการให้สิ่งตอบแทน อย่างมีคุณธรรม

บรรณานุกรม

สมชัย ศรีสิทธิยากร. (2540). เอกสารประกอบคำบรรยาย ร. 240: ทฤษฎีองค์การ. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, คณะรัฐศาสตร์.

        ที่มา http://www.idis.ru.ac.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น